หลุมพราง
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ถาม–ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๗
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ถาม : เรื่อง “ไม่กล้าเอามาใช้”
กราบนมัสการหลวงพ่อ หนูขอถามคำถามหลวงพ่อดังนี้ ช่วงนี้มีการแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทจากรัฐบาล ซึ่งตัวของหนูเองได้รับตรงนี้ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเกิดขึ้น ไม่อยากใช้เงินตรงนี้เพราะรู้สึกว่ามีคนลำบากกว่าตัวหนูเยอะมาก และอีกอย่างหนูรู้สึกว่ามันเป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์ในการเอาเงินมาแจก จึงตั้งใจว่าจะนำเงินตรงนี้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือคนตกทุกข์ได้ยากมากกว่า แต่ปัญหาเกิดตรงที่ลูกของหนูต้องการขอยืมเงินมาลงทุนในการทำกิจการบางอย่าง หากหนูแบ่งเงินตรงนี้ให้ลูกมาต่อทุนในการทำงานจะบาปหรือไม่คะ หนูแค่รู้สึกไม่สบายใจตรงเงินนี้ค่ะ กราบนมัสการ
ตอบ : นี่เรื่องเงินหมื่นนึงนะ เงินหนึ่งหมื่นส่วนเงินหนึ่งหมื่นบาท เพราะเราได้เงินนั้นมาแล้วเราคิดว่าเงินมันไม่บริสุทธิ์ ไอ้ตรงคิดว่าเงินไม่บริสุทธิ์นี่จบ มันจบตรงที่ว่าเงินนี้มันถูกต้องตามกฎหมาย
การจะแจกเงินเขาต้องออกราชบัญญัติ ออกเป็นกฎหมาย ถ้ามีกฎหมายรองรับแล้วมันถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ามันถูกต้องตามกฎหมาย มันเป็นเงินจากรัฐที่จ่ายให้กับประชาชน
ถ้าว่าเป็นเงินไม่บริสุทธิ์ๆ มันผิดตรงไหน มันไม่ผิด ไม่ผิดตามกฎหมาย เหมือนพระเราไม่ผิดวินัย
แต่ธรรมล่ะ แต่ธรรม แต่ธรรมอย่างที่โยมคิดนั่นแหละว่า สิ่งที่ได้เงินมา เงินนี้มันควรจะช่วยเหลือเจือจานคนที่ทุกข์ที่ยากมากกว่าเรา
ไอ้นั่นมันเป็นความคิดโดยความเป็นธรรมโดยจิตใจของคนที่เป็นธรรมไง ถ้าจิตใจคนที่เป็นธรรม จิตใจของนักปกครองเขาไม่เห็นด้วย
ธนาคารชาติเขาเห็นด้วยกับการแจกคนที่เป็นเปราะบาง กลุ่มเปราะบางคือกลุ่มชายขอบ กลุ่มที่เขาช่วยตัวเองไม่ได้ ถ้าแจกสิ่งนั้นคนเห็นด้วยทั้งนั้นน่ะ คนเห็นด้วยอยากจะช่วยคนที่ทุกข์ที่ยาก ที่ยากลำบาก ที่ว่าเขาไม่มีโอกาส ใครๆ คิดว่าควรเป็นอย่างนั้น
แต่ว่าเวลาเขาแจกทุกคนอย่างนี้มันเป็นนโยบาย คำว่า “นโยบายๆ” พอทำเป็นนโยบายแล้วมันแจกทั่วไง ก็เพื่ออะไรล่ะ ไอ้นี่มันก็เป็นความเห็นของคนที่มีสติมีปัญญา
คนที่ไม่มีสติปัญญา ประชานิยมเขาเห็นว่าสิ่งที่เป็นประชานิยม ประชาชนได้รับทุกอย่างมันดีไปหมดไง แต่เวลาตกทุกข์ได้ยาก ประเทศชาตินั้นก็มีปัญหาไปทั้งประเทศชาตินั่นไง ประเทศชาติที่ว่าเป็นประชานิยม ประชานิยมตั้งแต่เศรษฐกิจเขาเข้มแข็ง เขามีชื่อมีเสียงในโลกนี้ไง จนเดี๋ยวนี้เงินเฟ้อร้อยเปอร์เซ็นต์ หมื่นเปอร์เซ็นต์ ล้านเปอร์เซ็นต์ นั่นเป็นเพราะอะไรล่ะ เป็นเพราะคนไม่มีวินัยไง
ในประเทศนั้นในชาตินั้นเวลาได้รับเงินแจกขึ้นมาก็มีความดีใจ มีความพอใจ มีความรื่นเริง พอใช้ถึงเวลาเป็นหนี้ หนี้สาธารณะ
มันจะเข้าหนี้สาธารณะแล้ว
หนี้สาธารณะทุกคนเป็นหนี้ร่วมกัน คนจะใช้หรือคนจะไม่ใช้ คนจะได้หรือคนจะไม่ได้ ทุกคนเกิดในชาตินั้นต้องรับผิดชอบร่วมกันเป็นหนี้สาธารณะทั้งประเทศนั้น แต่คนได้ๆ คนที่คนได้ความที่เป็นธรรมๆ คนที่บอบบางเราก็รู้เราก็เห็นว่าเขาทุกข์เขายาก เขาควรจะได้ เขาควรจะได้รับการช่วยเหลือ เขาควรได้รับการดูแล คนที่มีความเข้มแข็ง คนที่ทำมาหากินได้ เราก็เสียสละไง
นี่พูดถึงเสียสละ เห็นไหม ผู้ที่ทำมาหากิน ผู้ที่ทุกข์จนเข็ญใจ ไอ้นี่เป็นหนี้ส่วนบุคคล หนี้ส่วนบุคคลก็หนี้ของเราเอง ถ้าเรารู้จักประหยัดมัธยัสถ์เราก็ใช้จ่ายของเราดูแลของเราได้ไง แต่ถ้ามันฟุ่มเฟือยขึ้นมามันตกทุกข์ได้ยาก นี่เป็นหนี้ส่วนบุคคล ทุกคนก็ไม่อยากเป็นหนี้
ทุกข์เพราะความเป็นหนี้นะ แต่ถ้าเป็นหนี้สาธารณะมันเป็นหนี้ของชาติเลย ถ้ากรณีอย่างนี้แล้ว เวลาบุคคลที่มีนโยบาย บุคคลที่คิดอย่างนั้นเขามีสติมีปัญญามากน้อยขนาดไหน เขาเป็นรัฐบุรุษที่จะรักษาคุ้มครองอนาคตในความมั่นคงยืนยาวไปขนาดไหน
เปรม ติณสูลานนท์เป็นรัฐบาลอยู่ ๘ ปี สะสมเงินคงคลังขึ้นมาให้รัฐบาลประชาธิปไตยได้ล้างผลาญต่อเนื่องกันไป แล้วถึงที่สุดนะ รัฐบาลใหม่เข้ามา หนี้สาธารณะเต็มบ้านเต็มเมือง เขาก็ต้องมาแก้ไข มันก็ต้องมีคนที่เสียสละ
บุคคลที่เสียสละยิ่งใหญ่คือหลวงตาพระมหาบัว ประเทศชาติล้มละลายขนาดไหน ท่านก็ยังฟื้นฟูขึ้นมาได้ ความฟื้นฟูขึ้นมา นี่ความเชื่อมั่นของประชาชน
ถ้าประชาชนที่ล้มเหลวไปแล้ว จนประเทศชาติจะโดนเขายึดทรัพย์แล้ว ผู้ที่ออกมาฟื้นฟู นี่หนี้สาธารณะความเชื่อมั่นไม่มีเลย แล้วหลวงตาพระมหาบัวท่านออกมากู้ชาติ การกู้ชาตินั้นออกมาเพื่อให้ทุกคนมีขวัญและกำลังใจ มีความเชื่อมั่น แล้วกลับมาฟื้นฟูชาติ
นี่ไง นโยบายๆ นโยบายสร้างหนี้สาธารณะๆ
เวลาผู้ที่จิตใจเป็นธรรมเขาสะสมเก็บสะสมไว้ไง ประเทศชาติรอดมาได้เพราะเงินถุงแดง เงินถุงแดงนี่เพราะว่ากษัตริย์ผู้ที่มองการณ์ไกลสะสมไว้เพื่อเป็นการกู้ชาติ แล้วถึงเวลาแล้วประเทศชาติก็ล้างผลาญกัน สร้างหนี้สาธารณะ สร้างความเห็นแก่ตัว แล้วเห็นแก่ตัวแต่บุคคลไง แต่ผลของมันต่อมาก็เป็นหนี้สาธารณะ แล้วก็ล้มละลาย แล้วก็มีรัฐบุรุษที่จะมากู้ชาติๆ
นโยบายสาธารณะมันเป็นนโยบาย ฉะนั้นจะบอกว่า “หนูไม่สบายใจเลย หนูได้เงินหมื่นนึง เงินหมื่นนึงนี้ก็ควรจะไปช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่าหนู แต่มันติดที่ว่าลูกของหนูอยากแบ่งเงินนี้เพื่อไปลงทุน”
ถ้าไปช่วยคนอื่น คนทุกข์คนยาก ไปช่วยสาธารณกุศล ถ้าเราให้ลูกไปเราก็เท่ากับช่วยลูกเราเหมือนกัน ลูกเราก็เป็นคนในชาติไทยเหมือนกัน ก็ควรจะได้รับเงินในชาตินี้เพื่อไปจุนเจือเขาเหมือนกัน
จะให้กุศลให้กับคนทุกข์คนยาก ให้กับผู้ประสบภัย นั่นก็เป็นคนในชาตินี้เหมือนกัน คนประสบภัยในชาตินี้ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ลูกเราก็มีสิทธิความเป็นมนุษย์ความเกิดเป็นคนในชาตินี้เหมือนกัน เราจะช่วยเหลือลูกเราก็ได้
นี่มันติดขัดที่ความคิดเรา ติดขัดที่เราคิดเอง เราทุกข์เองไง แต่ถ้าเราคิดได้ เราทำของเราได้ เพราะนโยบายสาธารณะ แล้วเวลาเป็นแล้วความเป็นสาธารณะมันเป็นไปทั้งคนทั้งชาติไง มันคิดต่อหัว ต่อหัวว่าเกิดมาเป็นหนี้เท่าไร ต่อหัวแล้ว แล้วไอ้พวกหัวทองมันก็คำนวณแล้วล่ะ เข้ามาในเมืองไทยต้องทำอย่างไร ต้องยัดตรงไหน ต้องให้ตรงไหน
นี่มันเป็นความเชื่อ นโยบายสาธารณะมันให้ความเชื่อมั่นกับประเทศชาติ ฉะนั้น เพียงแต่โยมถามว่า โยมพูดว่าเงินนี้มันไม่บริสุทธิ์
ถ้าเงินนี้ ถ้าที่ตัวเงินมันถูกต้องตามกฎหมาย แต่โดยนโยบาย ถ้าเขาช่วยได้มากช่วยได้น้อยขนาดไหน แล้วโยมก็ได้เงินมาหนึ่งหมื่นบาท เริ่มต้นเงินหนึ่งหมื่นบาทต้องไปลงชื่อ เริ่มต้นเราก็ขวนขวายไปเอามาเอง แล้วได้มาแล้วเราก็มาคิดของเราไง ดูสิ ความคิด ความคิดมันกลับกลอก เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวคิดได้ เดี๋ยวคิดไม่ได้
ฉะนั้น มันถึงต้องมีธรรม มีคุณธรรมในหัวใจของเราบ้าง แล้วเรารักษาหัวใจของเรา
นี่พูดถึงว่าไม่กล้าใช้เงินนั้น ถ้าไม่กล้าใช้เงินนั้น เราก็ทำอย่างที่โยมพูดนี่ถูก เริ่มต้นตั้งแต่คิดว่าจะไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่คนทุกข์คนยากที่มากกว่า แต่ปัญหามันเกิดที่ว่าลูกของหนูก็อยากจะขอไปทำทุนน่ะ
เงินที่ได้มาแล้วเป็นสิทธิของโยมที่จะใช้สิ่งใด แต่ถ้าบอกว่ามันไม่บริสุทธิ์ เราก็ว่ามันถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าบอกว่าถ้ามันเป็นธรรม มันก็เป็นหนี้สาธารณะ ทุกคนต้องร่วมใช้คืน แล้วดอกเบี้ย หนี้สาธารณะเกือบจะเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ดอกเบี้ยปีละกี่หมื่นล้าน งบประมาณนั่นน่ะ งบประมาณสามล้านล้านนั่นน่ะดอกเบี้ยเท่าไร ดอกเบี้ยกี่หมื่นล้านนั่นน่ะ แล้วถ้ากี่หมื่นล้าน สามสี่หมื่นล้านเฉพาะดอกเบี้ยหนี้สาธารณะเอามาใช้สอยในประเทศได้ขนาดไหน ก็สร้างกันไป นี่นโยบายสาธารณะ จบ
ถาม : เรื่อง “ธาตุรู้ไปไหน”
พุทธสาวกปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะไม่เกิดอีก พ้นจากตัณหาที่ก่อภพ พ้นจากบ่วงที่เป็นโลกและเป็นทิพย์ ธรรมที่ทิ้งไว้คือสลายกลับตามธรรมชาติ ธาตุรู้ ยังโลกทิพย์
คำถาม
สิ้นโลกธาตุ ปลงสังขารแล้วจักยังสู่โลกทิพย์ใช่ไหมขอรับ
ปล. อาราธนาหรือปลง ถ้าอยู่แล้วดีกว่า ยังประโยชน์กว่าก็ขออาราธนา
ตอบ : นี่คำถามเนาะ คำถามนี้มันต้องแจ้งกรมสุขภาพจิตด่วน เบอร์โทรศัพท์กรมสุขภาพจิตเบอร์อะไร เอาเบอร์โทรศัพท์กรมสุขภาพจิตให้กับผู้ถามคำถามนี้ด่วน ต้องเร่งด่วน เพราะมันใกล้บ้าเต็มทีแล้ว
“อาราธนาหรือปลง ถ้าอยู่คิดว่าดีกว่า มีประโยชน์กว่า”
อันนี้มันเป็นคนจิตเภท คนเสียจริตนิสัย มันเสียจริตมันถึงได้คิดพร่ำเพ้อ เพราะคำถามนี้มันไม่มีเหตุไม่มีผล ไม่มีที่มาและไม่มีที่ไป เพ้อพก คิดไปแบบคนป่วยทางจิตคิดไปเอง
นี่ไง ธาตุรู้ไง ธาตุรู้ก็คู่กับธาตุไม่รู้ พุทธะก็คู่กับความโง่เง่า สิ่งที่เป็นโลกและเป็นทิพย์ ถ้าสิ่งที่เป็นโลกก็เป็นวัตถุธาตุ สิ่งที่เป็นทิพย์ก็จินตนาการบ้าบอคอแตกไง คำถามนี้ต้องกดเบอร์ของกรมสุขภาพจิตด่วน เพราะอะไร
เพราะว่า ถ้าอาราธนาหรือปลง หรือปลง ปลงอะไร
ปัญหานี้มันเกิดจากปัญหาที่ว่าไปร่ำลือ ไปกุข่าว ข้อมูลเท็จเข้าในคอมพิวเตอร์โทษอาญา ๕ ปี ไอ้นี่เที่ยวไปกุข่าวว่าพระสงบปลงอายุ ๘๐ ปี แล้วถ้าพระสงบตายก่อน ๘๐ หรือตายหลัง ๘๐ มันก็เป็นข้อมูลเป็นเท็จ
มันเป็นเท็จมาตั้งแต่ต้น มันไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เลย แต่ผู้ป่วยป่วยทางจิตคิดไปจินตนาการไปแล้วก็กุเรื่องก่อเรื่อง มันเป็นการกุและก่อขึ้นมาโดยไม่มีมูล
พระสงบเวลาเทศนาว่าการ คำว่า “เทศนาว่าการ” นะ การฟังธรรมๆ มันแสนยาก แล้วการฟังธรรมๆ ที่เป็นข้อเท็จจริงยิ่งยากขึ้นไปใหญ่
ฟังเรื่องทางโลกๆ เรื่องการโป้ปดมดเท็จ เรื่องความกะล่อนปลิ้นปล้อนมันมีมาอยู่ตลอดแล้ว
ความเป็นธรรมๆ พระสงบระลึกไม่ได้เลยว่าพระสงบได้ปลงอายุสังขารเมื่อใด
แล้วไอ้พวกที่ป่วยทางจิตเขาก็คิดละเมอเพ้อพกกุขึ้นมาก่อขึ้นมา แล้วก็มาถามพระสงบบ่อยๆ พระสงบก็เตือนๆๆ มาตลอดว่าไม่มี ไม่ใช่
ปลงอายุสังขาร ๘๐ ปีมีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วกึ่งพุทธกาลนี้ก็ได้มาปรากฏเห็นหลวงปู่มั่นท่านรู้อนาคต ท่านไม่ได้ปลงอายุสังขาร ท่านรู้อนาคตว่าท่านจะสิ้นอายุขัยเมื่อ ๘๐ ปี แล้วท่านบอกกับหลวงตาพระมหาบัวกับพระที่หนองผือไว้ก่อนหน้านั้น ๗–๘ ปีใครๆ ก็รู้ แล้วทุกอย่างมันก็เป็นตามที่ท่านรู้แจ้งเห็นจริงในหัวใจของท่าน นั้นท่านเป็นผู้ประเสริฐทั้งคู่
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดายอดเยี่ยม รัตนตรัย ธรรมและวินัยที่เราได้พึ่งพาอาศัยกันนี่ก็ได้จากเมตตาธรรม กรุณาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กึ่งพุทธกาลศาสนาเจริญอีกหนหนึ่ง ผู้มีบุญกุศล หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านมีอำนาจวาสนาบารมีสูงส่งของท่าน ท่านถึงได้มาเกิดแล้วท่านได้ฝึกหัดประพฤติปฏิบัติจนถึงที่สุดแห่งทุกข์ ท่านเห็นข้อเท็จจริงว่าท่านจะมีอายุ ๘๐ ปี ๘๐ ปีของหลวงปู่มั่นท่านมาย้ำกับพระกับเณรในหนองผือให้เร่งภาวนา
“ผู้ใดจะปฏิบัติให้ปฏิบัติมานะ แก้จิตแก้ยากมาก แก้จิตแก้ยากมาก ผู้เฒ่าจะแก้ว่ะ ผู้เฒ่าอายุแค่ ๘๐ ปีนะ อย่านิ่งนอนใจ ให้ขวนขวาย ให้ฝึกหัด ให้พยายามปฏิบัติมา ถ้าอายุครบ ๘๐ แล้วไม่อยู่แล้วนะ”
หลวงตาพระมหาบัวท่านก็เร่งรีบขวนขวายเต็มที่ของท่าน ถึงเวลาแล้ว พออายุ ๘๐ ปีเริ่มป่วย “มหา เราป่วยแล้วนะ ป่วยคราวนี้รักษาอย่างไรก็ไม่หายนะ มหาให้เร่ง” มหาก็เร่งใหญ่เลย เร่งเพื่ออะไร เร่งเพื่อให้ท่านคอยแก้ไขคอยดัดคอยแปลงไง นั่นเป็นข้อเท็จจริง แล้วถึงที่สุดแล้วท่านนิพพานไปเมื่ออายุ ๘๐ ปี
เรานี่ชื่นชม ชื่นชมเพราะอะไร เพราะเราเกิดมาเป็นเศษฝุ่นเป็นผงธุลี แล้วเกิดมาได้พบครูบาอาจารย์อย่างนี้ ถ้าไม่ได้พบครูบาอาจารย์อย่างนี้ เราประพฤติปฏิบัติมันจะลงทะเล มันจะออกนอกอ่าว มันจะล่มปากอ่าว มันจะภาวนากรรมฐานขายชื่อขายเสียงครูบาอาจารย์กิน มันน่าสังเวช มันแสนทุเรศ แต่เราพูดด้วยความชื่นชม
แต่นี่มันมาเก็บเอา ฟังอยู่อย่างนี้แล้วก็ไปกุเรื่อง ไปกุเรื่องไปปล่อยข่าว แล้วปล่อยข่าวมันก็ไม่เป็นความจริงไง
เห็นอุบัติเหตุในถนนไหม รถบัสไฟไหม้นั่นน่ะ นั่นแหละความปลอดภัยสาธารณะ เวลาความปลอดภัยทางสาธารณะบนท้องถนน ความปลอดภัยในทรัพย์สิน ความปลอดภัยในบ้านเรือนของตน
พระพุทธศาสนามันต้องมีจุดยืน มีหลักการ สิ่งใดที่เป็นข้อเท็จมันไม่ควรเข้ามาวุ่นวายในวงกรรมฐาน พระกรรมฐานเขาพูดจริงๆ เขาทำจริงๆ แล้วถ้ามันเชื่อมั่นจริงๆ ความเชื่อมั่นเป็นศรัทธา ถ้าเป็นศรัทธา ความเชื่อมั่น ความอบอุ่นมันเป็นธรรม เป็นสาธารณะ ชาวพุทธทุกคนด้วยความอบอุ่น ด้วยความรื่นเริง
นี่ไปกุเรื่อง ไปปล่อยข่าว ไปสร้างความขัดแย้งในที่สาธารณะ ในถนน ในที่รโหฐาน ในที่ชุมชน ให้เกิดการหวาดระแวง ให้เกิดความสงสัย มันเป็นธรรมตรงไหนล่ะ
เบอร์โทรศัพท์กรมสุขภาพจิต โทรเบอร์โทรศัพท์กรมสุขภาพจิตด่วน ผู้ถามมีอาการหูแว่ว มันแว่วของมันมาไง
“ขออาราธนาหรือปลงสังขาร”
ปลงสังขารนี่มันก็จะซื้อหุ้นน่ะ ซื้อหุ้นเพื่อจะมีกิจกรรม มีบริษัท ไปเปิดบริษัทรับอาราธนา มันเป็นธุรกิจ มันเป็นเรื่องหาผลประโยชน์ มันเป็นการสร้างมวลชนชุมชนไง
ประโยชน์สาธารณะ ชาวพุทธควรปลอดภัย ชาวพุทธไม่มีใครเข้ามาจูงจมูก ชาวพุทธไม่มีใครมาคอยครอบงำ ประโยชน์สาธารณะ ความปลอดภัยในสาธารณะ
เราไม่เคยพูด เราไม่เคยปลงอายุสังขาร การเกิด การแก่ การเจ็บ การตายเป็นเรื่องธรรมดา มันเกิด แก่ เจ็บ ตายมันเป็นเรื่องธรรมดาๆๆ ฉะนั้น เป็นเรื่องธรรมดาแล้ว กิเลสมันกลัวธรรม กลัวสัจจะกลัวความจริงไง
ฉะนั้น เวลาคนที่หลอกที่ลวงขึ้นมามันก็คิดว่าจะมีผลประโยชน์ มันจะยึดครองว่าสิ่งนั้นเป็นสมบัติของมัน แล้วมันก็มากุเรื่องก่อเรื่องขึ้นมาไง แล้วมันมีอะไรที่เป็นจริงเป็นจังขึ้นมา
ว่าปลงอายุสังขารมันก็ขอมีหุ้นส่วน หุ้นส่วนขึ้นมาก็มีตัวมีตนขึ้นมาในพระพุทธศาสนาไง
“ถ้าไม่ได้ปลงอายุสังขารก็ขออาราธนา”
ขออาราธนาแล้วเอ็งจะร่วมทุนใช่ไหม ปลงอายุสังขารนี่ จะซื้อหุ้นก็ไม่ให้หุ้น เพราะมันไปทำความเสื่อมโทรม มันเป็นการทุจริต
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้เลย
ห้ามเชื่อ ห้ามเชื่อ ห้ามเชื่อ กาลามสูตร ห้ามเชื่อ
ฉะนั้นว่า ปลงอายุสังขาร
ผู้ที่เป็นเจ้าของเรื่องคือพระสงบ ไม่รู้เรื่องเลย แล้วไม่ใช่ไม่รู้เรื่องธรรมดานะ เห็นกิริยาที่เขามีความเชื่ออย่างนั้นก็พยายามบอกพยายามเตือนมานานแล้ว พอเรื่องนี้ออกไปก็รู้ทันทีว่าออกไปจากตรงไหน ใครเป็นผู้กุและก่อขึ้นมา ผู้ที่กุและก่อขึ้นมาเป็นพวกจิตเภท เป็นพวกป่วยทางจิต
ถ้ามันเป็นคนปกติสุข มันมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา เรื่องไม่มี เรื่องไม่จริง มันกุมันก่อขึ้นมาได้อย่างไร แล้วก็ปล่อยกันออกไป
เรานี่เศร้า ไม่ใช่ไม่เห็น เห็นนะ เห็นแล้วเตือนด้วย ย้ำเตือนตลอด บอกไม่ใช่ ไม่มี แล้วก็กุแล้วก็ก่อกันไปจนเกิดผล เห็นไหม รถบัสไหม้กลางถนนเลย
ไอ้นี่เขามาถามเราเลย “หลวงพ่อปลงอายุสังขารหรือ”
เฮ้ย! กูก็ไม่รู้ ก็กูก็ไม่ได้ปลง ก็กูก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แล้วมึงเชื่อเขาได้อย่างไรล่ะ
ผลของมันน่ะ ผลของมันเลวร้าย มันเลวร้ายมาก
นั่นน่ะพูดถึงปลงอายุสังขาร ไอ้นี่มา “ถ้าไม่ได้ปลงอายุสังขารก็ขออาราธนา”
มันอยากจะเกาะต่อไปไง โหน คอยโหน คอยเหนี่ยว คอยรั้ง คอยฉุด คอยกระชาก สิ่งที่มันจะเป็นคุณเป็นประโยชน์กับโลก เป็นคุณประโยชน์กับประเทศชาติบ้าง ถ้าไม่รู้ ถ้าโง่ ก็อย่าอวดดี ถ้าไม่รู้ อวิชชาไม่รู้ไง ธาตุไม่รู้มันจะไปไหนล่ะ ก็ธาตุไม่รู้ก็ธาตุโง่อยู่ด้วยกันนั่นไง
นี่ไง “ธาตุรู้มันจะเป็นโลกทิพย์”
ส่งกรมสุขภาพจิตด่วน มันไร้สาระไง
ฉะนั้น มันเป็นคำถามมา จะทิ้งตะกร้ามันก็จะไม่เป็นประโยชน์กับใคร แต่ถ้าถามมา กล้าถามมาก็ตอบอยู่นี่ไง
ไปถามหมอ ไปหาหมอ ไปหาหมอก็ไปกวนหมอ ไปหาหมอก็ไปยิ่งใหญ่กับหมอ เวลาจะไปหาหมอ หมอเขามีความรู้นะ หมอเขาบอกว่า ถ้าคนอย่างนี้คือสันดานเดิม สันดานเดิมเขาเป็นแบบนี้เขาถึงแสดงออกแบบนี้ นี่แค่จิตแพทย์เขาพูดนะ
จิตแพทย์ด้วยทางวิชาการ ทางโลกเขาก็เข้าใจได้ด้วยคนที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ว่ามันเป็นอย่างใด
แต่ถ้าเป็นทางธรรมล่ะ ถ้าเป็นทางธรรมๆ ไง ทางธรรม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ๆ สัตว์โลกทั้งหลายเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
นี่เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เราก็เกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยกัน เราก็ปรารถนาคุณงามความดีเหมือนกัน แล้วถ้าปรารถนาคุณงามความดีเหมือนกัน เราทำไมไม่ประพฤติปฏิบัติให้ถึงความสงบของใจล่ะ
ศีล สมาธิ ปัญญา
ถ้าใจมันสงบระงับเข้ามาบ้าง ก็หลวงพ่อท่านไม่ได้พูด แล้วเราไปตู่ได้อย่างไรล่ะ นี่ปัญญามันจะเกิดไง เราจะตู่ เราจะกุ เราจะก่อ มันมีเหตุมาจากอะไร เริ่มต้นมันมีเหตุมาจากหลวงพ่อพูดไว้เป็นแนวทางให้เราคิดเองหรือ หลวงพ่อพูดไว้ให้เผดียงไง
ถ้าเป็นทางโลก เป็นทางแสวงหาผลประโยชน์ เจ้านายก็บอกว่าเราไม่ได้ทำ ลูกน้องทำเอง เจ้านายไม่ได้ทำหรอก ลูกน้องคิดกันเอง แค่ขยิบตาน่ะ หลิ่วตาขยิบตาให้ลูกน้องทำ
แต่นี้เราเผดียงมาตลอดว่า ไม่ใช่ ไม่มี ไม่ใช่ ไม่มี แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะกระจายออกไปจนเขาร้องห่มร้องไห้มาหาเรา “หลวงพ่อปลงอายุสังขารแล้วหรือ หนูนอนไม่หลับเลย”
เราบอก กูยังนอนหลับสบายดีนะ เพราะกูไม่รู้เรื่อง กูไม่รู้เรื่อง แล้วกูก็ไม่ได้ปลงเปลิงอะไรหรอก กูรอวันตายอยู่นี่แหละ หมดอายุขัยกูก็จะตาย ไม่เร่งและไม่ผ่อน
แต่ตามธรรม ตามธรรมนะ ผู้มีอิทธิบาท ๔ จะอยู่อีกกี่กัปก็ได้ มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสาของปุถุชน ของที่เราคิดเอง เอ็งคิดเอง เอ็งก็ผลว่างเปล่า
แต่ถ้าเป็นผู้ที่พ้นจากทุกข์ ฉันทะ จิตมันมีตัวมีตนแล้ว วิริยะ ขยับ ฉันทะ วิริยะ จิตตะก็ตัวมัน วิมังสาคือปัญญา ถ้ามันพร้อมสมบูรณ์แบบมันจะมีอะไรเกิดและจะมีอะไรตาย
ผู้ที่มีอิทธิบาท ๔ จะอยู่อีกกี่กัปก็ได้ แต่จะอยู่ไปทำไม อยู่เพื่ออะไร อยู่แล้วได้หรือไม่ได้ ผู้ที่สิ้นกิเลสแล้วมีใครขวนขวาย มีใครกระทำ มีใครอวดรู้อวดดี
ไอ้อวดรู้อวดดีคือโง่ทั้งนั้น คือไม่รู้จักทั้งนั้น ผู้รู้จักเขาไม่พูด แต่เขารู้ ธรรมมันยิ่งใหญ่กว่านี้เยอะนัก ไอ้คำถามนี้ขี้หมา ไร้สาระ แต่ถ้าไม่ตอบมันไม่จบ เดี๋ยวมันก็ถามมาอีก ถามมาเพราะมันคิดว่ามันฉลาด มันคิดว่ามันรอบรู้
ปลงอายุสังขารก็ไม่มี ตอนนี้จะโหนอีกแล้ว จะอาราธนาอีกแล้ว ซื้อหุ้นไม่ได้ก็จะร่วมทุน จะซื้อบริษัทเลยใช่ไหม จะเพิ่มทุนสิ
พระมีบริขาร ๘ มันไม่มีทุนมาลงทุนหรอก เพิ่มทุนๆ ยึดบริษัทมันเลย จากปลงอายุสังขารจะมาอาราธนา จากซื้อหุ้นไม่ได้ก็จะร่วมทุน ร่วมทุนแล้วก็จะเพิ่มทุน เพิ่มทุนแล้วก็จะยึดบริษัท แล้วก็จะยิ่งใหญ่...มันกรมสุขภาพจิตด่วน
เรามันสังเวช ความปลอดภัยในทางสาธารณะนั่นทางโลก เป็นเพราะระบบการปกครองด้วยความสุจริต ไม่มีการทุจริต ไม่มีคอร์รัปชัน ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ มันจะเป็นประโยชน์ความปลอดภัยทางสาธารณะ
ศรัทธาในพระพุทธศาสนาๆ นี่ไง ศรัทธาของคน ศรัทธา อจลศรัทธา แล้วศรัทธาของคนมันอ่อนแอๆ ในสังคมเราก็เห็นๆ กันอยู่ ทั้งฉกฉวย ทั้งครอบงำ ทั้งล่อลวง ทั้งร้อยแปด มันไม่มีอะไรปลอดภัยในชาวพุทธเลย แล้วไอ้จิตเภทก็ไปสร้างกุเรื่องก่อเรื่องให้เขาสงสัย ให้เขาลังเล ให้เขามีปัญหา นี่ไง ความปลอดภัยในพระพุทธศาสนา ความปลอดภัยของชาวพุทธ มันจะมาเริ่มต้นจากตรงไหนล่ะ
เราเห็นความเหลวไหล ความฉ้อฉล ความหลอกลวงในศาสนา เราก็พูดกัน ไอ้จิตเภทนี่ก็คิดว่าที่ไหนก็ไม่ดี ที่ไหนก็ไม่ดีไง
เราก็เห็นด้วยกัน แล้วเราเวลาพูดเราก็เชิดชูพระพุทธศาสนา เชิดชูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชิดชูหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เพราะท่านเป็นผู้สำคัญจริงๆ ท่านเป็นหลักชัยจริงๆ ท่านถึงสร้างสังคมที่สุขสงบ
กองทัพธรรม กองทัพธรรมปราบพวกถือผีถือสาง ปราบพวกถือนอกจากพระพุทธศาสนาให้มานับถือในพระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
พระธรรมๆ ศีล สมาธิ ปัญญาคุ้มครองไง
แต่ในปัจจุบันนี้โลกเจริญๆ ห้ามดูถูกความเชื่อ ความเชื่อ เชื่ออะไรก็ได้ ก็เลยกลับไปเชื่อภูตผีปีศาจเหมือนเดิมน่ะ นี่มันก็เป็นวงจรของสังคม วงจรของโลก แล้วเราจะต้องไปสร้างปัญหาขึ้นมากับวงจรกับโลกอย่างนี้อีกหรือ
มันถึงบอกว่ามันสังเวช มันเรื่องไม่จริง ไม่มีเรื่องจริงเลย แล้วกุข่าวก่อข่าวก่อเรื่อง แล้วก็กระจายข่าวจนเขามาหาเราเอง
มันเรื่องไร้สาระ เราจะตายก่อน ๘๐ ก็ได้ ตายหลัง ๘๐ ก็ได้ ตายวันที่ตายน่ะ ตายที่วันมันจะตาย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกระแสสังคม กระแสโลก
นี่หลอกออนไลน์ ยังดีไม่ขอเบอร์บัญชีเขา ถ้าเขาให้บัญชีมาน่ะโอนของเขาหมดเลย มันเป็นเรื่องไร้สาระไง
เรื่องพระธรรมๆ สัจธรรม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ นะ แล้วพระกรรมฐานๆ แล้วมากุเรื่องก่อเรื่องกันเอง แล้วทำให้สังคมปั่นป่วน ความเชื่อหวั่นไหว ความเชื่อกระทบกระเทือนกัน มันแสนทุเรศน่ะ
คำถามนี้ตอบแล้วนะ ถ้าถามมาอีกด่าเช็ดเลย ไม่ต้องถามมา ในเมื่อเอ็งมีสติมีปัญญา สพฺเพ สตฺตา สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เป็นสุขๆ เถิด เป็นสุขๆ เถิด ไปหาที่เอ็งพอใจ ไปหาที่ที่ว่าถ้าไปกุเรื่องก่อเรื่องให้ที่ไหนเขาชื่นชอบ เขาชอบกระพือข่าว เชิญ เชิญพวกเอ็งไปที่นั่น ไปที่เขาชอบก่อกระแส ชอบก่อกระแสเพื่อความอยากดังอยากใหญ่ของเขา เชิญนะ สพฺเพ สตฺตา สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เป็นสุขๆ เถิด อย่ามาวุ่นวายที่นี่นะ จบกันแล้วจบเท่านี้ จบ